วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Tadaima Tohoku


เสียงใสๆ ของ Haruka Ayase กับหน้าที่แอมบาสเดอร์ให้กับการท่องเที่วยวภูมิภาค Tohoku ในแคมเปญ
"Tadaima Tohoku" เกิดขึ้นมาพร้อมกับการรับบทบาทวีรสตรีหญิงแห่งญี่ปุ่นในไทกะ โดราม่า เรื่อง Yae No Sakuraที่ได้เห็นโดยบังเอิญในยูทูป ทำให้เราหันมาสนใจที่จะลองทำความรู้จักกับ Tohoku อย่างจริงจัง จากตอนแรกที่ตั้งใจไปสัมผัสแค่เพียง Nyoto Onsen หนึ่งใน Dream Destination ของพวกเรา




ทุกครั้งที่ออกนอกเส้นทางการเดินทางเดิมๆ การบ้านที่ต้องทำเป็นลำกับแรกก่อนการเดินทาง คือการศึกษาภูมิศาสตร์ของสถานที่ๆที่จะไป ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เพื่อที่จะให้เราเข้าใจในสภาพภูมิประเทศ การเลือกประเภทของยานพาหนะในการเดินทาง และวางแผนการเดินทางได้อย่างรัดกุมมากขึ้น

Tohoku ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะเดียวกับที่ตั้งของโตเกียว มหานครของประเทศญี่ปุ่น ทำให้การเดินทางไปยังภูมิภาคนี้สะดวกสบายด้วยรถไฟความเร็วสูง โดยจะมีรถไฟวิ่งตรงจากโตเกียวไปยังจังหวัดต่างๆทั่วภูมิภาค โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน และใช้เวลาโดยประมาณ 2-4 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับระยะความใกล้ไกล



แม้จะขัดกับความชอบในการเดินทางด้วยรถไฟท้องถิ่นแบบถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง แต่ในระยะเวลา 5 วันกับ 5 จุดหมายปลายทางที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆทั่ว Tohoku ตั๋วรถไฟ JR East Pass แบบ 5 วัน ในราคา 11,000 เยน จึงลงตัวกับการเดินทางมากที่สุด

JR East Pass วิธีการใช้ไม่ต่างจาก JR Pass เพียงแค่ว่า JR East Pass ครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ทางส่วนตะวันออกของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงบางส่วนของภูมิภาค Kanto และภูมิภาค Tohoku ทั้งหมด ในขณะที่ JR Pass ครอบคลุมการเดินทางด้วยรถไฟทั่วประเทศ

เริ่มต้นวันแรกของการใช้ JR East Pass ด้วยการเดินทางสู่ Sendai ซึ่งเปรียบได้กับเมืองหลวงของภูมิภาค Tohoku หลังจากเดินชมเมืองท่ามกลางอุณหภูมิติดลบยามค่ำคืน เติมพลังด้วย "Gyutan" หรือ "ลิ้นวัวย่าง" อาหารประจำท้องถิ่น ก่อนจะเริ่มทริปแช่ออนเซนกันจนตัวเปื่อย 3 วันติด เพราะอากาศหนาวๆอย่างนี้ ไม่มีอะไรที่จะมีความสุขไปกว่าการได้แช่น้ำท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย

ความสุขง่ายๆที่ต้องแลกกับการเดินทางหลายพันกิโลเมตร

เริ่มต้นทริปบ่อน้ำร้อนด้วยไฮไลท์ประจำทริป  Nyoto Onsen ในจังหวัด Akita โดยเราเลือกพักที่ Tsurunoyu ที่มีบ่อน้ำร้่อนกลางแจ้งเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ดั้นด้นมาเยือนตลอดทั้งปี

ออนเซนในตำนานที่ดั้นดนมาไกลหลายพันกิโล


วันที่สองเราออกเดินทางจาก Akita มุ่งหน้า Fukushima โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ Takayu Onsen ซึ่งต้องนั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ Fukushima ไปประมาณ 40 นาที

Takayu Onsen ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นเอง และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยิ่งเกิดเรื่องร้ายกับ Fukushima ยิ่งทำให้ที่นี่เงียบเหงามากขึ้น แต่นั่นก็เป็นข้อดีสำหรับนักท่องเที่ยวงบน้อยอย่างเรา โรงแรมส่วนใหญ่พากันลดราคาเพื่อจูงใจนักท่องเที่ยว เราจึงได้ที่พักสุดหรู พร้อมแช่ออนเซนสบายในราคาเพียงแค่ 5,000 เยนเท่านั้น (ไม่รวมอาหารเช้า-เย็น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเราตุนมาจากซูเปอร์มาเก็ตที่สถานีรถไฟแล้ว)

โรงแรมที่พักใน Takayu Onsen มองเห็นวิวของ Fukushima ได้ทั้งเมือง
ออนเซนของโรงแรมที่พัก

ก่อนลาจาก Takayu Onsen ขอแช่ออนเซนกลางแจ้งของโรงแรมข้างๆ


วันที่สามยังคงอยู่ใน Fukushima มุ่งหน้าสู่ Aizu Wakamatsu เมืองประวัติศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น กับอีกหนึ่งโรงแรมหรูในราคาเบาๆ (อีกแล้ว) แถว Higashiyama Onsen

หิมะขาวโพลนระหว่างทางไป Aizu Wakamtsu
Higashiyama Onsen




Aizu Wakamatsu ในวันนี้เต็มไปด้วยความหวังของคน Fukushima ที่จะใช้เมืองนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยให้ Fukushima มามีชีวิตชีวาเหมือนเดิมอีกครั้ง ผ่านละครอิงประวัติศาสตร์ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า Taiga Drama เรื่อง Yae No Sakura ที่ได้ Haruka Ayase มาแสดงนำ ก่อนพ่วงด้วยแคมเปญ Tadaima Tohoku ที่แนะนำข้อมูลท่องเที่ยวและความน่าสนใจในเมืองนี้


โปสเตอร์ของ Ayase ในบทของ Niijima Yae ติดอยู่ทั่วเมือง

ธงโปรโมทสถานที่ถ่ายทำเรื่อง Yae No Sakura เห็นได้ตลอดสองข้างทางในเมือง Aizu Wakamatsu


แม้หิมะจะทำให้บรรยากาศของ Fukushima ดูหม่นกว่าที่เป็นอยู่ แต่วันนี้ของ Tohoku โดยเฉพาะในจังหวัด Fukushima เริ่มมีความคึกคักของนักท่องเที่ยวให้เห็น ซึ่งการเลือก Fukushima เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางทริปนี้ ส่วนหนึ่งเพราะอยากให้กำลังใจให้ Fukushima ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ อีกส่วนหนึ่ง อยากเห็นด้วยตาตัวเองว่า นอกเหนือจากเรื่องร้ายๆที่เสพจากข่าวสารแบบไม่รู้จบแล้ว Fukushima ยังมีความสวยงามอะไรซ่อนอยู่อีกบ้าง

ปราสาท Aizu Wakamatsu ปกคลุมด้วยหิมะ

แม้ Fukushima จะทำหน้าที่แบบขาดๆเกินๆไปบ้าง อาจไม่มีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาอังกฤษในการให้คำแนะนำกับนักท่องเที่ยว การเดินทางที่ไม่สะดวกสบายเทียบเท่าจังหวัดอื่นในญี่ปุ่น

แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาจากสองคืนใน Fukushima หนึ่งคืนใน Sendai และหนึ่งคืนใน Akita ทำให้ทริปนี้เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับมาเยือนอีกครั้งพร้อมด้วยคำทักทายสั้นๆที่เชื่อว่าทุกคนที่นี่อยากได้ยิืน มากที่สุด

 "Tadiama Tohoku"

ป.ล. "Tadaima" แปลว่า "กลับมาแล้ว" เป็นสำนวนที่คนญี่ปุ่นพูดกันเป็นประจำเมื่อเดินทางกลับถึงบ้าน
โดยมักใช้คู่กับคำว่า "Okaerinasai" ที่แปลว่า "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" 

คำเตือน: ทั้งหมดเป็นความรู้ที่ได้จากการดูซีรีย์ญี่ปุ่นล้วนๆ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น